หลายคนคงเคยเจอปัญหา ทำไมเวลาขันสกรู หัวสกรูถึงเสียหายตลอด และชุดไขควงก็มีหลายขนาดให้เลือกใช้ บางดอกขนาดใกล้เคียงกัน ดูเหมือนจะใช้แทนกันได้ และบางคนเอาไขควงปากแบนไปไขสกรูหัวแฉกจนร่องสกรูเสียผิดรูปก็มี วันนี้ LTP จึงอยากจะมาอธิบายว่าเราควรเลือกใช้งานดอกไขควงอย่างไรให้ถูกต้องเหมาะสมกับสกรูที่เราต้องขัน เพื่อป้องกันไม่ให้หัวสกรูเสียหาย ขันสกรูไม่ออก สกรูติดค้างอยู่ที่ชิ้นงาน ซึ่งกลายเป็นปัญหาปวดใจกว่าเดิม

สาเหตุที่ทำให้หัวสกรูเสียหาย

สาเหตุของหัวสกรูเยินหรือเสียหายนั้นมีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งที่เกิดจากการนำสกรูมาใช้กับเครื่องมือช่างที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ไขควงคุณภาพไม่ดี จะทำให้หัวดอกไขควงไม่แนบสนิทกับหัวสกรูเท่าที่ควร อาจหลวมบ้าง เข้าไปไม่สุดบ้าง เมื่อเกิดแรงบิดจึงทำให้หัวสกรูเสียหาย หรืออาจเกิดจากโรงงานผลิตสกรูที่ผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เหลี่ยมของร่องซึ่งต้องรองรับดอกไขควงจะอ่อนตัวง่าย เวลาขันจึงทำให้ร่องหัวสกรูฉีกจนเสียรูป แต่อีกสาเหตุหนึ่งที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ด้วยความไม่รู้นั่นคือ การเลือกใช้ดอกไขควงผิดเบอร์ ขนาดดอกไม่เหมาะสมกับขนาดของหัวสกรู ซึ่งส่งผลให้หัวสกรูชำรุดได้เช่นกัน

รูปแบบของดอกไขควง

ดอกไขควงที่พบเห็นทั่วไปนั้นจะมีทั้งแบบหัวแบน หัวแฉก หัวแปดเหลี่ยม หัวหกเหลี่ยม แต่ที่นิยมที่สุดจะเป็นหัวแฉกกับหัวแบน โดยไขควงหัวแบนเป็นไขควงที่ไม่มีความซับซ้อน ใช้งานง่าย โดยนำมาใช้กับสกรูที่มีขีดร่องเดียว แต่มีข้อควรระวังคือ อาจไม่เหมาะกับการนำมาใช้กับสว่านเพราะลักษณะดอกไขควงที่เหมือนปากเป็ดแบนๆ และร่องขีดของหัวสกรูอาจไม่ได้รองรับการยึดเกาะได้แน่นเท่าหัวแฉก ซึ่งจะทำให้ดอกไขควงหลุดออกจากสว่านได้ง่าย และอาจทำให้หัวสกรูเสียหายได้อีกด้วย 

สำหรับไขควงหัวแฉก มักจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ รูปแบบแรกคือแบบ PH (Phillip) ที่มีหัว 4 แฉก ในท้องตลาดมีผลิตอยู่ 2 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานอเมริกา หัวดอกไขควงจะมีลักษณะมน ใช้กับหัวสกรูร่อง 4 แฉกทั่วไป และมาตรฐานญี่ปุ่นหรือที่มักเรียกกันว่า JIS จะมีหัวลักษณะเรียบกว่า แต่มี 4 แฉกเหมือนกัน โดยสกรูที่ใช้กับไขควงมาตรฐานญี่ปุ่นจะต้องเป็นสกรู JIS Japanese industrial standard บนหัวสกรูจะมีจุดเล็กๆ ให้สังเกต ส่วนเหตุผลที่ต้องแยกใช้งานกันเพราะสกรูทั่วไปกับสกรู JIS มีความลึกและความตื้นแตกต่างกันเพื่อให้รองรับองศาของหัวดอกไขควงได้อย่างแนบสนิท ถ้าใช้ผิดประเภทอาจทำให้หัวสกรูเสียหายได้ง่าย

ส่วนรูปแบบที่สองเรียกว่าแบบ PZ (Pozidriv) จะมีลักษณะเป็นหัวสี่แฉกใหญ่ รวมกับอีก 4 แฉกย่อย ตามจำนวนแฉกของหัวสกรู ผลิตออกมาเพื่อรองรับหัวสกรู PZ ที่ต้องใช้แรงขันสูง โดยจะมีลักษณะคล้ายกับดอกจันเล็กๆ เพื่อการยึดเกาะกับดอกไขควงได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถ้าเราเอาไขควงแบบ PH ไปขัน ตอนที่นำไขควงสวมลงไปกับหัวสกรู ดอกไขควง PH จะไปติดแฉกเล็กๆ 4 แฉกของหัวสกรู PZ จึงทำให้สกรูชำรุดเสียหาย ฉะนั้นเวลาที่จะใช้ไขควงขันสกรูเราจะต้องสังเกตหัวสกรูด้วยว่าเป็นแบบไหน เพื่อเลือกใช้ดอกไขควงให้เหมาะสมกัน จะทำให้หัวสกรูไม่ชำรุดและเป็นการรักษาสกรูให้มีอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้นด้วย

ข้อแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้ไขควงให้มีขนาดเหมาะสมกับสกรู

เบื้องต้นให้เลือกไขควงประเภทเดียวกันกับสกรูก่อน จากนั้นจึงค่อยเลือกขนาดที่คิดว่าเหมาะสม แล้วลองนำปลายของไขควงนั้นเสียบลงไปบนหัวสกรูก่อนโดยที่ยังไม่ต้องออกแรงขัน ซึ่งไขควงจะต้องมีความพอดีกันกับสกรู แต่ถ้าเหลือช่องว่างมากควรเปลี่ยนหัวไขควงใหม่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อให้พอดี แต่ถ้าเสียบลงไปแล้วคับ ไม่สนิทก็เลือกเบอร์ที่เล็กลงมา ซึ่งการเลือกขนาดไขควงที่เหมาะสมกับหัวสกรูนั้นช่วยให้เราออกแรงขันสกรูได้ง่าย และร่องหัวสกรูจะไม่ชำรุดเสียหาย

เคล็ดลับขันสกรูที่หัวชำรุดให้ออกมาได้อย่างง่ายดาย

นำไขควงปากแบนเล็กๆ มาตะไบหรือขัดด้วยกระดาษทรายจนขอบดอกไขควงนั้นแบนและคมยิ่งขึ้น แล้วนำมาขันสกรูที่หัวชำรุดเสียหาย โดยใช้แรงกดลงไปบนหัวสกรูให้แน่น แล้วค่อยๆ หมุนขันออก หากยังไม่ออก ให้นำดอกไขควงไปตะไบเพิ่มจนกว่าปลายปากแบนจะมีความคมมากพอที่จะจิกหัวสกรูให้เกิดร่อง จนทำให้หมุนขันออกได้ง่ายขึ้น

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าของ LTP พร้อมรับโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ก่อนใครที่ช่องทางดังต่อไปนี้